วันศุกร์, สิงหาคม 29, 2551

رمضان


ศรัทธาชนที่เคารพ
ท่านทั้งหลายจงยำเกรงต่ออัลลอฮ จบปฏิบัติตามคำสั่งที่พระองค์ทรงใช้และออกห่างจากสิ่งที่พระองค์ทรงสั่งห้าม ขณะนี้เราท่านทั้งหลายกำลังจะก้าวเข้าสู่รอมดอน เดือนอันมีเกียรติที่สุดเดือนหนึ่ง จากอายะห์กุรอานที่กล่าวเมื่อข้างต้นมีความหมายว่า
เดือนรอมดอนนั้น เป็นเดือนที่ อัลกุรอาน ได้ถูกประทานลงมาในฐานะเป็นข้อแนะนำสำหรับ มนุษย์ และเป็นหลักฐานอันชัดเจนเกี่ยวกับข้อ แนะนำนั้น และเกี่ยวกับสิ่งที่จำแนกระหว่าง ความจริงกับความเท็จ ดังนั้นผู้ใดก็ตามในหมู่พวกเจ้า เมื่อเข้าได้อยู่ในเดือนนี้แล้ว ก็จงถือศีลอดเถิด

ศรัทธาชนที่เคารพ
การถือศีลอดเป็นรุก่นหนึ่งจากรุก่นอิสลาม เป็นกฎเกณฑ์หนึ่งจากกฏเกณฑ์ศาสนา เป็นการอุทิศตนและเป็นการทำตนให้ใกล้ชิดกับอัลลอฮ์ตะอาลา แท้จริงพระองค์ทรงกำหนดให้มนุษย์ได้ทำการถือศีลอด และอัลกุรอานได้มีตัวบทบอกเอาไว้ว่าเดือนนี้เป็นเดือนที่มีการประทานอัลกุรอานลงมา กุรอานที่เป็นทางนำและแสงสว่างให้กับหัวใจของเรา อัลลอฮ์ได้กำหนดการถือศีลอดเพื่อเป็นการฝึกฝนขัดเกลา มารยาทอันประเสริฐ ให้บ่าวของพระองค์เป็นผู้มีความศรัทธา เป็นผู้ที่ยำเกรง เป็นผู้ที่มีคุณธรรม และการถือศีลอดนั้นได้ทำให้รับรู้ถึงความหิวกระหาย ของผู้คนที่ไม่มีอาหารจะกิน เป็นการแชร์ เป็นการแบ่งปันความรู้สึกของคนที่มีอันจะกินกับคนยากจน ทำให้เกิดความเข้าใจกันและกันของคนในสังคมเป็นอย่างดี และเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความรักความเอื้ออาทรต่อกัน

ศรัทธาชนที่เคารพ
อัลลอฮตะอาลาได้กำหนดการถือศีลอดในเดือนที่พระองค์ประทานอัลกุรอาน ลงมา เพื่อประโยขน์อันมหาศาลแก่บ่าวของพระองค์ มีผลในดุนยาและอาคิเราะห์ กล่าวคือ การถือศีลอดจะดูแลรักษาหัวใจ ทำให้หัวใจสมบูรณ์ จิตใจของมนุษย์เรานั้น โดยธรรมชาติแล้ว มันมีความต้องการอันมากมาย ความอยากได้ในหลายๆอย่างของมนุษย์ที่ ไม่มีขอบเขตจำกัดของความต้องการ เมื่อได้สิ่งหนึ่ง ก็จะต้องการอีกสิ่งหนึ่ง เรื่อยไป จนกระทั่งความต้องการนั้นมันได้ทำให้หัวใจมนุษย์นั้นอ่อนแอ โดยเฉพาะทางด้านวัตถุที่ส่งผลบีบบังคับต่อจิตใจของมนุษย์ ดังนั้นการที่มนุษย์ได้ทำการถือศีลอด จะทำให้เขาได้รับประโยชน์ในด้านต่างๆในการที่จะปรับปรุงแก้ไขในส่วนที่จิตใจของเขาเกิดความบกพร่อง และทำให้จิตใจสูงส่ง การถือศีลอดเป็นการทำให้จิตใจของมนุษย์เข้มแข็งขึ้น ทำให้มนุษย์มีความยำเกรงต่อพระเจ้าอัลลอฮตะอาลาดำรัสว่า


يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُواْ كُتِبَ عَلَيْكُمُ الصِّيَامُ كَمَا كُتِبَ عَلَى الَّذِينَ مِن قَبْلِكُمْ لَعَلَّكُمْ تَتَّقُونَ

บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย! การถือศีลอด นั้นได้ถูกกำหนดแก่พวกเจ้าแล้ว เช่นเดียวกับที่ได้ ถูกกำหนดแก่บรรดาผู้ก่อนหน้าพวกเจ้ามาแล้ว เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้ยำเกรง

ดังนั้นในเมื่อเดือนอันเป็นมงคลนี้กำลังจะย่างกรายเข้ามาแล้วเราจะต้องเตรียมความพร้อมเพื่อให้ทั้งร่างกายและจิตใจได้รับอานิสงค์ของเดือนนี้อย่างเต็มที่ และสำหรับการต้อนรับรอมดอนนั้นก็มีหลากหลายแบบ บางคนก็ได้ถือโอกาสตระเตรียมอาหารมากมายเต็มสำรับ เตรียมเครื่องดื่มราคาแพงมาดื่มหรือ หาอาหารที่ไม่เคยได้รับประธานในช่วงก่อนรอมดอนมาทานกันในตอนละศีลอด หรือบางคนใช้จ่ายเงินทองเพื่อจะซื้ออาหารมาละศีลอด หรือใช้จ่ายอย่างอื่นในช่วงรอมดอนนี้ มากกว่าเดือนอื่นๆสองเท่า นั้นเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ในอัลกุรอานบอกเอาไว้ว่า


وكُلُواْ وَاشْرَبُواْ وَلاَ تُسْرِفُواْ إِنَّهُ لاَ يُحِبُّ الْمُسْرِفِينَ
ท่านทั้งหลาย จงกิน จงดื่ม และอย่าฟุ่มเฟือย แท้จริงพระองค์ไม่ทรงโปรดบรรดาผู้ที่ฟุ่มเฟือย

นอกจากจะไม่ฟุ่มเฟือยแล้ว ยังจะต้องหาอาหารที่มีประโยชน์มาบริโภคด้วยควรจะพิจารณาเลือกสรรอาหารที่ดี ที่สะอาด ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมาละศีลอด


قال تعالي : كلوا من طيبات ما رزقناكم
พวกเจ้าทั้งหลายจงกินแต่สิ่งดีๆที่เราได้มอบให้กับพวกเจ้า


قال تعالي : كلوا مما في الارض حلالا طيبا
พวกเจ้าทั้งหลายจงกินแต่สิ่งดีซึ่งเป็นที่อนุมัติที่มีอยู่บนแผ่นดิน



อัลลอฮฺตะอาลาได้บัญชาใช้ให้เราเลือกรับประทานแต่สิ่งที่ดีๆ ท่านนบีมุฮำหมัด(ซอลฯ) เองท่านละศีลอดด้วยกับอิทนผาลัม หรือน้ำเปล่า ประโยชน์ของการทานอินทผาลัมก็คือกลูโคส หรือน้ำตาล และสารอาหารอื่นๆมากมายในผลอินทผาลัม อินทผาลัมมีความหวานมีผลเพื่อให้พลังงานแก่ร่างกายดังนั้นในช่วงรอมดอนควรทานอินทผาลัมมากๆเพราะร่างกายจะได้มีเรี่ยวแรงโดยเฉพาะในช่วงเวลากลางวันที่มีการงดอาหาร
มีฮาดีษของท่านอานัสบินมาลิก กล่าวว่า ท่านนบี(ซ.ล.)ได้ละศีลอดด้วยรุต๊อบ หรือ อินทผาลัมสด ถ้าหากไม่มีอินทผาลัมสด ท่านก็ละศีลอดด้วย ตะมัร คืออินทผาลัมแห้ง ถ้าไม่มีอินทผาลัมแห้ง ท่านก้อจะทำการดื่มน้ำหลายๆอึกแทน”


ดังนั้นน้ำเปล่าเป็นเครื่องดื่มที่ดีที่สุด หรือเราอาจจะดื่มน้ำผลไม้ก็ได้ ที่ควรหลีกเลี่ยงก็คือการบริโภคน้ำอัดลมทุกชนิด เพราะนอกจากจะไม่มีประโยชน์แล้ว ยังเป็นอันตรายต่อร่างกายอีกด้วย การดื่มน้ำเปล่านอกจากจะช่วยดับกระหายแล้ว ยังเป็นการปรับสมดุลในร่างกาย อันเนื่องมาจากการอดอาหารมาตลอดทั้งวัน

หลังจากละศีลอดด้วยอินทผาลัมหรือน้ำเปล่าแล้ว ก็ควรไปทำละหมาดมัฆริบก่อน หลังจากนั้นจึงค่อยกลับมาทานอาหารต่อ สำหรับอาหารก็ควรทานแต่พอดี อย่ากินจนอิ่มเกินไป จะทำให้รู้สึกเกียจคร้าน เพราะว่าอิบาดะห์ที่รออยู่ยังมีการละหมาดอิชาอฺ ละหมาดตะรอเวียะห์ และการอิบาดะห์ในยามค่ำคืน


จริงๆแล้ว อัลลอฮ์ตะอาลา ได้ฟัรดูการถือศีลอดมาเป็นการผ่อนคลายแก่มนุษย์ ให้กระเพาะอาหารได้พัก และเป็นการรักษาจิตใจให้เข้มแข็ง เป็นการฝึกความอดทน ทำให้ร่างกายของพวกเขามีสุขภาพที่ดีจากการอดอาหาร ทำให้จิตใจของพวกเขามีรัศมี ประโยชน์ของการถือศีลอดอีกประการหนึ่งก็คือเป็นการยับยั้งจากทุกสิ่งที่เป็นมั๊วะซิยัตความชั่วต่างๆ ทำให้ออกห่างจากสิ่งที่ไม่ดี และทำให้คุชัวอ์ ยำเกรงต่ออัลลอฮ และนอบน้อมต่อพระองค์ ใครก็ตามที่ไม่ได้ปรับปรุงตัวเองในการถือศีลอดของเขาก็เหมือนกันเขาไม่ได้ถือศีลอด...........................


ศรัทาชนที่เคารพ

รอมดอนคือเดือนแห่งความดี ดังนั้นพวกท่านจงปฏิบัติตัวให้อยู่ในความดี เพื่อพวกท่านจะได้รับผลบุญแห่งรอมดอนนี้ และท่านทั้งหลายจงละทิ้งสิ่งที่มันไม่ดีทั้งหลายเสีย และหันออกจากมัน ไปสู่ชีวิตที่สดใส เป็นเดือนที่ท่านนบีได้บอกเอาไว้ว่าประตูสวรรค์นั้นถูกเปิด ประตูนรกจะถูกปิด และชัยตอนจะถูกล่ามโซ่เอาไว้


ท่านทั้งหลายจงทราบเถิดว่า แท้จริงรอมดอนเป็นเดือนที่หาที่เปรียบไม่ได้ เป็นเดือนแห่งการเก็บ

เกี่ยวผลบุญ เป็นเดือนแห่งเกียรติยศ เป็นเดือนที่ความดีงามจะเพิ่มเป็นทวีคูณ เป็นเดือนที่ปฏิเสธความชั่วร้าย และเป็นเดือนแห่งการยกระดับความดี ท่านทั้งหลายทำการถือศีลอดในตอนกลางวัน และทำอิบาดะห์ในตอนกลางคืน จงใช้เวลาอันยาวนานในการทำความดี และจงอ่านกุรอานให้มากๆ แท้จริงท่านรอซู้ล(ซอลฯ)กล่าวว่า การถือศีลอดและอัลกุรอาน สองอย่างนี้จะช่วยเหลือบ่าวได้ในวันกิยามะห์


นอกจากจะอ่านแล้วท่านทั้งหลายจงทำความเข้าใจกับความหมายของอัลกุรอาน ควรเปิดอัลกุรอานที่แปลความหมายภาษาไทยเอาไว้บ้าง เราจะได้เข้าใจในสิ่งที่อัลกุรอานว่าไว้ และจงปฏิบัติตามสิ่งที่กุรอานได้บอกไว้ด้วย


ท่านทั้งหลายจงทำทานแก่คนยากจน คนที่ขัดสนและต้องการความช่วยเหลือ ท่านทั้งหลายจงประพฤติตนให้เป็นผู้ที่มีจรรยามารยาทดีงามดังเช่นท่านนบีของพวกเรา เพราะท่านนบีเป็นมนุษย์ที่ดีเลิศที่สุด


ศรัทธาชนที่เคารพ

จงพากเพียร จงอุตสาหะ ในการตออัต ในการทำอิบาดะห์ ในการฝึกฝนจิตใจ โดยการประพฤติความดี ขัดเกลาอบรมจิตใจให้เชื่อฟังอัลลอฮ์ เพราะพวกท่านจะเป็นผู้ที่ได้รับชัยชนะ ท่านทั้งหลายอย่าได้หยุด หรือประวิงเวลาการปฏิบัติฟัรดูที่พระองค์ทรงใช้ เพราะ วันเวลามันได้ผ่านเราไปอย่างรวดเร็ว และมนุษย์ทุกคนจะต้องถูกไต่สวนจากสิ่งที่มือของเขาได้รับ จากบันทึกความดีความชั่วของเขา ผู้ที่มีสติปัญญาคือผู้ที่ประดับประดา วันเวลาของเขาด้วยความดีงาม เพราะในท้ายที่สุดมนุษย์นั้นจะไม่มีอะไรติดตัวเขาเลยนอกจากความดี เพราะความดีก็คือความดี ความชั่วก็คือความชั่ว ไม่มีตรงกลางระหว่างความดีและความชั่ว


مَنْ عَمِلَ صَالِحًا فَلِنَفْسِهِ وَمَنْ أَسَاء فَعَلَيْهَا وَمَا رَبُّكَ بِظَلَّامٍ لِّلْعَبِيدِ


ผู้ใดกระทำความดีก็จะได้แก่ตัวของเขา และผู้ใดกระทำความชั่วก็จะได้แก่ตัวของเขาเอง และพระเจ้าของเจ้านั้นมิทรงอธรรมต่อปวงบ่าวของพระองค์

ท่านทั้งหลายจงยำเกรงต่ออัลลอฮ และจงฉวยโอกาสอันดีนี้ ปฏิบัติในสิ่งที่ยังประโยชน์แก่พวกท่าน เพื่ออัลลอฮ รอซู้ล และมุมินทั้งหลายจะได้มองเห็นการปฏิบัติอามัลของพวกท่าน และพวกท่านก็จะกลับไปสู่โลกแห่งความเร้นลับและโลกแห่งการยืนยัน ในสิ่งที่พวกท่านทั้งหลายได้ปฏิบัติ ขอให้ท่านทั้งหลายได้รับความเมตตาและผลบุญอันเนื่องมาจากการทำอิบาดะห์ในเดือนรอมดอนที่กำลังจะมาถึง

วันศุกร์, มีนาคม 07, 2551



ศรัทธาชนที่เคารพ
ท่านทั้งหลายจงยำเกรงต่อพระองค์อัลลอฮฺตาอาลา จงเกรงกลัวพระองค์ จงทำในสิ่งพระองค์ใช้ และออกห่างจากสิ่งที่พระองค์ห้าม เราท่านทั้งหลายได้ชื่อว่าเป็นมุสลิม เราเชื่อว่าอัลลอฮฺเป็นพระเจ้า เราเชื่อในบรรดามาลาอิกะฮฺของพระองค์ เราเชื่อใน บรรดากิตาบ หรือคัมภีร์ที่พระองค์ประธานให้กับบรรดานบี เราเชื่อในบรรดาร่อซู้ลของอัลลอฮฺ เราเชื่อว่าวันกิยามะฮฺจะเกิดขึ้นจริง และเราเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นพระประสงค์ของพระองค์ มุสลิมคือผู้ปฏิญาณว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นอีกแล้ว นอกจากอัลลอฮฺ และปฏิญาณว่า มุฮำหมัดเป็นศาสนทูตของอัลลอฮฺ มุสลิมจะต้องทำละหมาดห้าเวลา มุสลิมจะต้องทำการถือศีลอดในเดือนรอมาดอน จะต้องออกซากาต และจะต้องทำฮัจย์หนึ่งครั้งในชีวิตหากมีความสามารถ ที่กล่าวมาข้างต้นนี้เป็นรุกุ่นอีหม่าน และรุ่กุ่นอิสลามซึ่ง เป็นพื้นฐานของผู้ศรัทธาซึ่งท่านทั้งหลายก็ทราบดี แต่นั่นเป็นเพียงหลักการข้อหลักๆหรือฟัรดู ที่มุสลิมทั้งหลายต้องปฏิบัติ แต่สิ่งที่นอกเหนือจากนั้น ที่ปรากฏในอัลกุรอาน และซุนนะห์ของท่านรอซู้ล ที่เป็นข้อบังคับใช้ และข้อห้าม สิ่งดีที่สนับสนุนให้ปฏิบัติ และสิ่งที่น่ารักเกียจที่สนับสนุนให้ออกห่าง เหล่านี้ปรากฏอยู่ในอัลกุรอาน และ ซุนนะฮฺของท่านนบีซอลฯ

สิ่งละอันพันละน้อยทิ่อิสลามได้จัดระเบียบเอาไว้ เพื่อให้เราปฎิบัติตาม อันจะนำพาเราให้ใกล้ชิดกับอัลลอฮฺตะอาลา มากยิ่งขึ้น การปฏิบัติตัวของมุสลิม ไม่ว่าจะเป็นการพูด การกระทำ หรือความคิด ทุกๆอย่างจะต้องสอดคล้องและถูกต้องตามหลักการอิสลามในทุกด้าน ในทุกกิจวัตร ทุกเวลา ทุกนาที หรือทุกเศษเสี้ยววินาทีก็ตาม เราทำอะไรกันบ้างในแต่ละวัน แต่ละเวลาที่ล่วงผ่านไป ท่านทำในสิ่งที่อิสลามใช้หรือส่งเสริมให้กระทำบ้างหรือไม่ ท่านได้ทำอะไรที่ผิดต่อหลักการบ้างหรือเปล่า เริ่มตั้งแต่เช้าตรู่เมื่อท่านตื่นขึ้นมา ท่านตั้งใจและกระตือรือร้นในการทำละหมาดซุบฮิหรือไม่ หรือที่ท่านตื่นแต่เช้าเพียงเพราะไม่ต้องการที่จะไปทำงานสายหรือกลัวรถติด เมื่อท่านตื่นนอนท่านเรียกสมาชิกในครอบครัวหรือผู้ที่อยู่ในการปกครองของท่านขึ้นละหมาดหรือเปล่า หรือปล่อยให้พวกเขานอนจนล่วงเลยเวลาละหมาด บางครอบครัวหัวหน้าครอบครัว ละหมาด ครบ ถือศีลอดครบ ทุกอย่าง รุ่ก่นอิสลามครบถ้วนสมบูรณ์ แต่ปรากฏว่า ภรรยา และลูกหลาน ในบ้านไม่ได้ปฏิบัติเลย หรือทำบ้างหยุดบ้าง บางบ้าน ไม่ละหมาดสะอาดกันเลยด้วยซ้ำ คนในครอบครัวจะเป็นยังไงไม่สนใจปล่อยปละละเลย ภรรยาจะออกไปไหนมาไหนโดยอิสระไม่ต้องขออนุญาตสามี เมื่อออกไปแล้วก็ไม่เคยที่จะแต่งกายให้มิดชิด ฮิญาบไม่เคยคลุม จะคลุมก็ต่อเมื่อไปช่วยงาน หรือยิ่งกว่านั้นบางคนไม่คิดที่จะคลุมฮิญาบเลยก็มี เอาเราะห์ของหญิงมุสลิมนั้น พวกท่านก็ทราบกันอยู่แล้วว่าขอบเขตที่พวกนางสามารถที่จะเปิดเผยกับบุรุษผู้ที่ไม่ใช่มะฮฺรอมหรือสามีนั้น มีขอบเขตอย่างไรบ้าง เปิดได้แค่เพียงใบหน้ากับฝ่ามือเท่านั้นเอง ท่านยินยอมที่จะให้ชายอื่นมองมายังภรรยาของท่านโดยที่มันอาจจะเกิดฟิตนะฮฺได้อย่างนั้นหรือ ถึงแม้จะไม่มีฟิตนะฮฺ แต่มันก็เป็นคำสั่งใช้ของอัลลอฮฺตะอาลา เป็นคำสั่งใช้บ่าวสตรีของพระองค์ ให้พวกนางระแวดระวังตัว ของนาง อย่าได้เปิดเผยสิ่งที่พึงสงวนของพวกนาง เป็นความปลอดภัยของพวกนาง เป็นเกียรติยศของพวกนาง ดังอายะห์อัลกุรอานที่ว่า

يَا أَيُّهَا النَّبِيُّ قُل لِّأَزْوَاجِكَ وَبَنَاتِكَ وَنِسَاء الْمُؤْمِنِينَ يُدْنِينَ عَلَيْهِنَّ مِن جَلَابِيبِهِنَّ ذَلِكَ أَدْنَى أَن يُعْرَفْنَ فَلَا يُؤْذَيْنَ وَكَانَ اللَّهُ غَفُورًا رَّحِيمًا
“โอ้นบีเอ๋ย ! จงกล่าวแก่บรรดาภริยาของเจ้า และบุตรสาวของเจ้า และบรรดาหญิงของบรรดาผู้ศรัทธา ให้พวกนางดึงเสื้อคลุมของพวกนางลงมาปิดตัวของพวกนาง นั่น เป็นการเหมาะสมกว่าที่นางจะเป็นที่รู้จัก เพื่อที่พวกนางจะไม่ถูกรบกวน ไม่ถูกรังแก และอัลลอฮ์ทรงเป็นผู้อภัยผู้ทรงเมตตาเสมอ”
ความเป็นจริงในปัจจุบัน มุสลิมะห์ได้ละเลยคำสั่งใช้ของอัลลอฮฺในเรื่องนี้ ละเลยอย่างมาก ถึงมากที่สุด เป็นไปได้ยากที่จะทำให้มุสลิมะห์ในยุคนี้แต่งกายมิดชิดในที่สาธารณะ เพราะพวกนางไม่เคยมองเห็นความสำคัญของฮิญาบเลยแม้แต่นิดเดียว แต่จะคลุมศรีษะในกรณีที่ไปออกงาน ไปกินบุญหรือช่วยงานแค่นั้น เมื่อพวกนางจะไปซื้อของหรือจ่ายตลาด พวกนางก็ไม่ได้ใส่ใจที่แต่งกายมิดชิดตามหลักการดังเช่นที่พวกนางได้ออกไปช่วยงานแต่อย่างใด นี่เป็นสภาพที่แท้จริงของมุสลิมะฮฺบ้านเราที่เห็นชัด นี่คือการละเลยคำสั่งของอัลลอฮฺรึป่าว ท่านทั้งหลายคงมีคำตอบอยู่ในใจ หากแต่พวกท่านทั้งหลายกลับไม่สามารถที่จะบังคับพวกนางให้ปฏิบัติได้ เรื่องนี้คงจะเป็นเรื่องหนึ่งที่ท่านจะต้องโดนไต่สวนจากอัลลอฮฺอย่างแน่นอน สาเหตุหนึ่งที่ทำให้มุสลิมะห์เราไม่คลุมศรีษะหรือแต่งกายมิดชิดนั่นก็คือการที่ไม่ได้รับการปลูกฝังมาตั้งเล็กๆนั่นเอง การแสดงที่บ่งบอกศรัทธาของมุมินนั้นจะต้องทำออกมาในรูปของ การกระทำ คำพูด และ ความคิดจิตใจ เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า มุมินผู้นั้น ศรัทธาอย่างแท้จริงเพียงใด มีความยำเกรงต่อพระเจ้าบ้างหรือไม่ หากนางน้อมรับคำบัญชา นางก็จะเป็นที่โปรดปรานของอัลลอฮฺตะอาลา บุตรหลานของท่านก็เช่นเดียวกัน ต้องปลูกฝัง ต้องจับเขาแต่งกายให้ถูกต้องตั้งแต่เด็ก เพราะในสภาพที่เห็นเดี๋ยวนี้เด็กยุคนี้มักมีพฤติกรรมที่ส่อไปในทางชู้สาวตั้งแต่เล็กแล้ว มันไม่เหมือนสมัยก่อน การปะปนกันระหว่างหญิงชายมีมากมาย การคบเพื่อนต่างเพศ เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง ผู้ปกครองควรเฝ้าระวังและกำชับบุตรหลานให้อยู่ในกรอบของอิสลาม การแต่งกายก็นับเป็นวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยให้พ้นจากฟิตนะฮฺได้
ศรัทาชนที่เคารพ ท่านจะต้องตอกย้ำบุตรหลานให้รู้จักความยำเกรงต่ออัลลอฮฺ เพราะในอัลกุรอาน ได้อัลลอฮฺตะอาลาได้กำชับเราไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งว่า
اتقوا الله
พวกเจ้าทั้งหลายจงยำเกรง

يا ايها الذين امنوا اتقوا الله حق تقاته ولا تموتن الا وانتم مسلمون
โอ้ผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงยำเกรงต่ออัลลอฮฺอย่างแท้จริงเถิด และพวกเจ้าอย่าตายเป็นอันขาดนอกจากจะตายในฐานะที่พวกเจ้าเป็นมุสลิมเท่านั้น
وتعاونوا على البر والتقوى ولا تعاونوا على الاثم والعدوان واتقوا الله ان الله شديد العقاب
อัลลอฮฺตรัสว่า พวกท่านจงช่วยเหลือเกื้อกูลกันในเรื่องที่เป็นคุณธรรมและเรื่องความยำเกรง และอย่าช่วยเหลือกันในเรื่องที่เป็นบาปและการสร้างศัตรูหรือประทุษร้ายต่อกัน และท่านทั้งหลายพึงเกรงกลัวต่ออัลลอฮฺเถิด แน่แท้อัลลอฮฺเป็นผู้ทรงรุนแรงยิ่งในการลงโทษ
ฉะนั้นทั้งภรรยาของพวกท่าน และบุตรหลาน หรือผู้ที่อยู่ในปกครองของท่าน ท่านทั้งหลายจงบอกจงย้ำพวกเขาให้ยำเกรงต่ออัลลอฮฺ เพราะการลงโทษของพระองค์นั้นหนักหนาสาหัส และท่านก็จะถูกร่างแหไปด้วยในฐานะผู้ดูแลปกครอง
كلكم راع ومسئول عن رعيته , والرجل راع في أهله ومسئول عن رعيته
ทุกคนมีหน้าที่ และจะต้องถูกไตสวนถึงหน้าที่ของเขา และผู้ชาย ก็มีหน้าที่ที่จะต้องรับผิดชอบต่อครอบครัวของเขาและเขาจะถูกไตสวนถึงหน้าที่ของเขา
ดังนั้นเป็นหน้าที่ที่จะต้องคอยสั่งสอนคอยบอกลูกๆของท่านให้นึกถึงอัลลอฮฺอยู่เสมอ ก่อนลูกๆของท่านจะออกไปโรงเรียน ท่านเคยกำชับกำลูกก่อนออกจากบ้านรึไม่ว่า ลูกอย่าลืมละหมาดนะลูก ลูกจงยำเกรงต่ออัลลอฮฺนะ จะทำอะไรให้นึกถึงอัลลอฮก่อน เคยกันบ้างรึป่าวครับ? เคยบอกภรรยาของท่านหรือไม่หากเธอออกนอกบ้าน ว่าเธอกลับมาให้ทันละหมาดนะ หรือว่า อย่าขาดละหมาดนะ เธออย่าลืมอัลลอฮฺนะ เคยบ้างรึป่าว? ทุกวันนี้เราพูดคุยกันในครอบครัวด้วยเรื่องศาสนา เรื่องที่ดีงามเรื่องการทำความดีกันบ้างรึไม่ หรือวันๆคุยแต่เรื่องละครน้ำเน่าที่ดูกันทางทีวี คุยแต่เรื่องฟุตบอลว่าวันนี้คู่ใหนจะเจอกัน หรือพูดคุยเรื่องคนอื่นไปในทางไม่ดี อันนี้ต้องทบทวนดูให้ดี ว่าสิ่งที่พูดคุยกันนั้นเกิดประโยชน์ในครอบครัวของเรามากน้อยเพียงใด สอดคล้องหรือขัดกับหลักการศาสนาบ้างหรือไม่? สามีหรือผู้นำครอบครัวเป็นผู้ที่เคร่งครัดในหลักการจะต้องเป็นต้นแบบ จะปล่อยปละละเลยไปได้อย่างไร ดังนั้น เมื่อภรรยาไม่ได้ทำตัวอยู่ในครรลองของอิสลามแล้ว สามีก็คือผู้ที่จะต้องตักเตือนให้ภรรยาให้อยู่ในโอวาทและเชื่อฟังปฏิบัติตามคำสั่งของพระเจ้า นอกจากภรรยาแล้ว บรรดาลูกๆหลานๆก็ต้องอบรมตักเตือนให้พวกเขาอยู่ในแนวทาง ต้องดูแลให้พวกเขาปลอดภัย ปลอดภัยจากความชั่วร้ายที่มาในรูปแบบต่างๆนานา ท่านต้องคอยดูบุตรหลานของท่าน ไม่ให้พวกเขาออกนอกลู่นอกทาง หากท่านไม่มั่นใจว่าตัวท่านเองจะสามารถให้ความรู้หรือแนะนำเขา ทำให้เขาเป็นคนดี มีคุณธรรม มีศาสนา หรือหากว่าท่านไม่มีเวลาให้กับบุตรหลาน ก็ควรจะส่งพวกเขาเรียนศาสนาเสีย โรงเรียนสอนศาสนาในปัจจุบันนี้ก็มีอยู่ไม่น้อย ปัจจุบันนี้เราสามารถเรียนได้ควบคู่ทั้งสองทาง สามัญและศาสนา แต่บางท่านก็ไม่คิดจะส่งลูกเรียนศาสนา อาจจะเกรงว่าลูกจะได้งานทำที่ไม่ดี เรียนแต่ศาสนาก็เป็นได้แค่โต๊ะครูเงินเดือนน้อย หรือกลัวลูกจะเรียนไม่ไหวถ้าเรียนสองอย่างไปพร้อมๆกัน หรือจะเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ เราก็จะมัวคิดถึงแต่เรื่องดุนยา เราก็จะห่วงแต่ว่า จะอยู่อย่างไร จะเอาอะไรกิน จะทำอย่างไรให้มีเงินมีรายได้มากๆ จะทำอย่างไรให้มียศมีตำแหน่ง ได้เลื่อนขั้นสูงๆ โดยที่ลืมคิดไปว่าชีวิตของมนุษย์เรานั้นมันไม่ได้ยืดยาวถาวร มันเป็นชีวิตที่ฉาบฉวย เป็นภาพมายา แต่หากว่าเราได้ยึดมั่นในอีหม่าน มีความยำเกรงต่ออัลลอฮฺ การส่งลูกเรียนศาสนาคือความหวังดีต่อลูกที่ถูกต้อง ศาสนาจะทำให้ลูกของท่านยำเกรง จะทำให้ลูกของท่านประพฤติดี และจำเป็นที่รักของท่าน และแน่นอน เขาจะเป็นที่รักเป็นที่โปรดปรานของอัลลอฮฺ ตะอาลา ดังนั้น ท่านจงคิดถึงสิ่งที่อัลลอฮฺใช้ ถ้าเราเรียนรู้อิสลามแน่นอน เราก็จะคิดได้ว่า เรานั้นเป็นใคร เราเกิดมาเพื่อทำอะไร อะไรคือหนทางที่ถูกต้อง ดังนั้นท่านทั้งหลาย จงบอกกล่าวคนในครอบครัวของท่านอยู่เสมอ ให้นึกถึงอัลลอฮฺ ให้ยำเกรงพระองค์ ความยำเกรงทำให้เรารอดพ้นปัญหา ทุกปัญหาจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดีถ้าเรารู้จักจำนนต่ออัลลอฮฺตะอาลา.
فان الله يحب المتقين
แน่แท้อัลลอฮฺทรงรักบรรดาผู้ที่มีความยำเกรง