วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 04, 2550


ศรัทธาชนที่เคารพ

ท่านทั้งหลายจงยำเกรงต่ออัลลอฮ จบปฏิบัติตามคำสั่งที่พระองค์ทรงใช้และออกห่างจากสิ่งที่พระองค์ทรงสั่งห้าม ท่านนบีมุฮำหมัดซอลฯ ได้มาพร้อมกับศาสนาอิสลาม ศาสนาแห่งความจริงที่ประมวลเอากฏข้อบังคับ คำสั่งเสีย คำสั่งใช้ คำชี้แนะต่างๆรวมเข้าด้วยกัน แท้จริงเป้าหมายของอิสลามประการหนึ่ง คือการสร้างสังคมที่สะอาด โดยมีจรรยามารยาทเป็นพื้นฐาน มีความบิรสุทธิ์สะอาดเป็นอุปนิสัย มีความมิดชิดเป็นเครื่องหมาย มีความสงบเสงี่ยมเป็นอาภรณ์ สังคมของอิสลามเป็นสังคมที่ไม่มีการปลุกตัณหาราคะ ไม่มีการกระตุ้นให้เกิดความวุ่นวายอลหม่าน มีการปิดกั้นสื่อที่จะทำให้เกิดการยั่วเย้า อิสลามได้ให้ข้อชี้แนะต่างๆที่ชัดเจน ในเรื่องการสร้างสังคมที่สะอาด โดยให้ความสำคัญกับผู้ศรัทธาที่เป็นสตรีโดยเฉพาะ
ความบริสุทธิ์ผุดผ่องของสตรีผู้ศรัทธานั้น เกิดขึ้นมาจากศาสนาของนาง มันปรากฏโดดเด่นออกมาด้วยความประพฤติของตัวเธอเอง การที่ถูกปลูกฝังในเรื่องของการสวมใส่เสื้อผ้า การปกปิด ความมิดชิด หลีกเลี่ยงการที่จะนำตัวเองไปสู่ความหายนะและอันตราย
คำว่าฮิญาบนั้น ถูกบัญญัติมาเพื่อที่จะรักษาความบริสุทธิ์เอาไว้ เพื่อปกป้องตัวของสตรีให้พ้นจากการจ้องมองของสายที่ไม่มีเจตนาอันบริสุทธิ์
ข้อกำหนดต่างๆของฮิญาบในคัมภีร์อัลกุรอาน และซุนนะห์ของท่านรอซู้ลซอลฯ มีความชัดเจนในการเรียกร้องเชิญชวนให้ประพฤติตาม โดยไม่ได้จำกัดอยู่ในยุคใดยุคหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะเจาะจง
يَا أَيُّهَا النَّبِيُّ قُل لِّأَزْوَاجِكَ وَبَنَاتِكَ وَنِسَاء الْمُؤْمِنِينَ يُدْنِينَ عَلَيْهِنَّ مِن جَلَابِيبِهِنَّ ذَلِكَ أَدْنَى أَن يُعْرَفْنَ فَلَا يُؤْذَيْنَ وَكَانَ اللَّهُ غَفُورًا رَّحِيمًا
โอ้นบีเอ๋ย ! จงกล่าวแก่บรรดาภริยาของเจ้า และบุตรสาวของเจ้า และบรรดาหญิงของบรรดาผู้ศรัทธา ให้พวกนางดึงเสื้อคลุมของพวกนางลงมาปิดตัวของพวกนาง นั่น เป็นการเหมาะสมกว่าที่นางจะเป็นที่รู้จัก เพื่อที่พวกนางจะไม่ถูกรบกวน ไม่ถูกรังแก และอัลลอฮ์ทรงเป็นผู้อภัยผู้ทรงเมตตาเสมอ
ในอายะห์นี้กล่าวถึง อัลญิลบาบ ก็คือ ทุกสิ่งที่ปกปิดจากส่วนสูงสุดของศรีษะ ไปจรดส่วนต่ำสุดของเท้า จากเสื้อคลุม และทุกสิ่งที่สตรีเอามาห่มบนอกและผ้าคลุมศรีษะของนาง เรียกว่าญิลบ้าบ.
การนำเอาเสื้อลงมาคลุมทั่วทุกส่วนของร่างกายของนาง รวมถึงใบหน้าของนางด้วย ในตัฟซีรของ อิบนุอับบาส รอดิยัลลอฮฯ มีว่าญิลบ้าล ก็คือการปิดใบหน้าโดยเริ่มจากศรีษะของนางโดยจะไม่มีอะไรปรากฏให้เห็นนอกจากตาเท่านั้น
สิ่งที่บรรดา อุมมุ้ลมุสลิมีน ภรรยาของท่านนบีมุฮำหมัดซอลฯ ถูกใช้ให้กระทำนั้น บรรดาภรรยาของผูศรัทธาทั้งหลายก็ถูกใช้ให้กระทำด้วยทุกคน


يَا نِسَاء النَّبِيِّ لَسْتُنَّ كَأَحَدٍ مِّنَ النِّسَاء إِنِ اتَّقَيْتُنَّ فَلَا تَخْضَعْنَ بِالْقَوْلِ فَيَطْمَعَ الَّذِي فِي قَلْبِهِ مَرَضٌ وَقُلْنَ قَوْلًا مَّعْرُوفًا وَقَرْنَ فِي بُيُوتِكُنَّ وَلَا تَبَرَّجْنَ تَبَرُّجَ الْجَاهِلِيَّةِ الْأُولَى

โอ้ บรรดาภริยาของนบีเอ๋ย! พวกเธอไม่เหมือนกับสตรีใด ๆ ในเหล่าสตรีอื่นหากพวกเธอยำเกรง (อัลลอฮ์) ก็ไม่ควรพูดจาเพราะพริ้งนัก เพราะจะทำให้ผู้ที่ในหัวใจของเขามีโรคเกิดความต้องการ แต่จงพูดด้วยถ้อยคำที่พอเหมาะพอควร และจงอยู่ในบ้านเรือนของพวกเธอและอย่าได้โออวดความงาม (ของพวกเธอ) เช่น การเปิดเนื้อเปิดตัวของคนในยุคดึกดำบรรพ์ที่หลงผิดในสมัยก่อน


อัลลอฮ์ตะอาลาทรงห้าม ไม่ให้สตรีพูดจาออดอ้อน และเปิดเนื้อเปิดตัวเหมือนคนยุคที่มีความเขลาอย่างเช่นในสมัยญาฮิลียะห์ ทรงใช้ให้มีการพูดจาดีและการอยู่กับบ้าน.
ภรรยาของบรรดามุอ์มิน ในเรื่องนี้ก็เหมือนกับภรรยาของท่านนบีซอลฯ ในคำดำรัสของพระองค์ที่ว่า


لَسْتُنَّ كَأَحَدٍ مِّنَ النِّسَاء

พวกเธอไม่เหมือนกับสตรีใด ๆ พระองค์ทรงย้ำสำหรับเรื่องนี้ ก็เนื่องจากว่า บรรดาภรรยาท่านนบีนั้นเป็นตัวอย่าง เป็นแบบอย่างที่บรรดามุสลิมะห์นั้นจะต้องปฏิบัติ และเจริญรอยตามภรรยาท่านนบี

ท่านพี่น้องศรัทธาชนทั้งหลาย
โลกมุสลิมของเราทุกวันนี้ มีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา แต่ละยุค แต่ละสมัย เราจำเป็นต้องกำชับตักเตือนในสิ่งที่ดี และห้ามปรามจากความชั่ว แน่นอนยิ่ง จะไม่มีการพัฒนาสำหรับสังคมใดบนหน้าแผ่นดินนี้ หากทุกๆคนไม่มีความรู้สึกรับผิดชอบต่อเพื่อนมนุษย์อื่นและจำเป็นต้องใส่ใจ ถึงสิ่งที่พระเจ้าได้ห้ามปรามใว้โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดามุสลีมะห์ทั้งหลายให้จงรักษาเอารัต (ร่างกาย) ของพวกเธอ ให้ห่างไกลจากฟิตนะห์ (การหลงผิด) ของบุคคลอื่นที่อาจจะนำมาซึ่งความผิด ดังนั้นการคลุมฮิญาบการปกปิดร่างกายของบรรดามุสลิมะห์ เป็นสิ่งจำเป็นที่สุด
ในการดำเนินชีวิตสิ่งต่างๆที่รายล้อม รอบตัวเรา ความเจริญในด้านวัตถุ หรือแฟชั่นที่นับวันกำลังทวีความรุนแรงอย่างยิ่งในหมู่วัยรุ่นหากพวกเธอทั้งหลายขาดความศรัทธา แต่จะว่าไปแล้ว มุสลีมะห์ที่เข้าใจต่อการคลุมฮิญาบในยุคนี้นั้น มีมากกว่าสมัยก่อนในประเทศไทยของเรา นั่นก็เป็นสิ่งที่ดี ต่อการตื่นตัวของบรรดามุสลีมะห์ทั้งหลายที่ต่างกลัวถึงผลกระทบหรือบทลงโทษ ในบทบัญญัติของอิสลาม แต่การคลุมฮิญาบนั้นใช่ว่าจะคลุมความดีให้กับตัวเธอทั้งหมด แต่นั้นเป็นการปฎิบัติตนให้ห่างไกลจากสิ่งที่จะมาเกิดกับตัวเธอ นั่นคือฟิตนะห์ จากชายอื่น และที่สำคัญก็คือปฎิบัติตนตามคำลั่งใช้จากองค์อัลลอห์(ซ.บ) แต่เป็นที่น่าเสียใจและเสียดายกับวิถีชีวิตของการคลุมฮิญาบในสมัยนี้นั้น เป็นเพียงการแต่งกายประจำศาสนาอิสลามไปเสียแล้ว สำหรับบุคคลบางคนที่การคลุมฮิญาบของเธอไม่มีผลอันใดต่อภาคผลความดีของเธอเลย บางครั้งเราก็ได้เห็นคนคลุมฮิญาบยืนอยู่ติดขอบเวทีคอนเสริต บางครั้งก็เห็นคนคลุมศรีษะแต่ใส่เสื้อแขนสั้นโชวแขน หรือคลุมศรีษะแต่แหวกหูออกมาเพื่อโชว์ต่างหู บางคนคลุมหัวดีแต่ตั้งวงนินทากัน ใส่ร้ายป้ายสีกันต่างๆนาๆ บางคนเที่ยวเตร่ นั่งกินอาหารที่ไม่ฮาล้าล ปากบอกว่าฉันคลุมฮิญาบแต่ผลของการกระทำ มันขัดต่อหลักปฏิบัติของตัวเธอ , บางคนไม่ให้ความสำคัญต่อการคลุมฮิญาบเพราะดูเป็นเรื่องที่น่าอาย, คลุมแล้วกลัวเขาจะไม่รับเข้าทำงานบ้าง , กลัวเชยบ้าง ,หรืออ้างว่าร้อน ผู้หญิงมุสลิมเราบางคนบอกว่าศาสนาอยู่ที่ใจ ไม่ต้องคลุมศรีษะก็ได้ ชั้นละหมาด ชั้นบวด แต่ชั้นแค่ไม่คลุมหัวมันผิดด้วยหรือ? ผมเคยได้อ่านบทสัมภาษณ์ของมุสลิมะห์คนหนึ่งในหนังสือพิมพ์ เธอคนนั้นให้สัมภาษณ์ว่าที่ไม่ได้คลุมศรีษะก็เพราะฮิญาบนั้นอยู่ที่ใจไม่ต้องแสดงออกมาทางการกระทำก็ได้ คำพูดนี้ฟังดูดีสำหรับคนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ไม่ใช่มุสลิม ผู้หญิงคนนี้อาจจะถูกยกย่องว่าเป็นคนที่มีความคิดเป็นของตัวเอง เป็นคนกล้าที่จะแสดงความแตกต่าง กล้าที่จะแสดงจุดยืนอันชัดเจนของตัวเอง แต่ในความเป็นจริง สำหรับเธอคนนี้ฮิญาบคงอยู่ที่ใจของเธอจริงๆเพราะมันได้ปกปิดใจของเธอจากแสงสว่าง ปิดกั้นใจในการที่จะเชื่อฟังคำสั่งของพระเจ้าเสียแล้วนะอูซุบิลลาห์

ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับฮิญาบเสียใหม่ โดยบอกกล่าวกับผู้เป็นภรรยาและลูกสาวของท่านถึงความหมายของฮิญาบที่แท้จริง การปกปิดเอาเราะห์ของตนเองต้องทำอย่างไร การพูดจากับคนที่ไม่ใช่มะห์รอมต้องพูดแบบใด การปฏิบัติตัวเมื่ออยู่นอกบ้านต้องทำอย่างไร ในซูเราะห์อันนูร อัลลอฮตะอาลาได้บัญชาแก่ท่านนบีว่า


وَقُل لِّلْمُؤْمِنَاتِ يَغْضُضْنَ مِنْ أَبْصَارِهِنَّ وَيَحْفَظْنَ فُرُوجَهُنَّ وَلَا يُبْدِينَ زِينَتَهُنَّ إِلَّا مَا ظَهَرَ مِنْهَا وَلْيَضْرِبْنَ بِخُمُرِهِنَّ عَلَى جُيُوبِهِنَّ وَلَا يُبْدِينَ زِينَتَهُنَّ إِلَّا لِبُعُولَتِهِنَّ أَوْ آبَائِهِنَّ أَوْ آبَاء بُعُولَتِهِنَّ

และจงกล่าวแก่บรรดาผู้ศรัทธาหญิง ให้พวกนางลดสายตาของพวกนาง จงรักษาอวัยวะเพศของพวกนาง ไม่แสดงสิ่งที่ตกแต่งของพวกนาง นอกจากสิ่งที่อยู่ภายนอกเท่านั้น ให้พวกนางดึงเอาผ้าคลุมของพวกนางลงมาปิดคอเสื้อของพวกนาง และไม่แสดงสิ่งที่ตกแต่งของพวกนาง นอกจากแก่สามีของพวกนาง พ่อของพวกนาง หรือพ่อของสามีพวกนาง...

สำหรับคำพูดของมุสลิมะห์ต่อเพศตรงข้ามที่ไม่ใช่สามีหรือมะห์รอมจะต้องไม่อ่อนหวาน และไม่แข็งกระด้างจนหยาบคาย ควรพูดแต่พอดีด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ


وَقُلْنَ قَوْلًا مَّعْرُوفًا

พวกนางจงพูดจาแต่พอดี

เพราะเสียงก็คือเอาเราะห์ของนางด้วยเช่นกัน
บรรดามุสลิมะห์ทั้งหลาย ถ้าเธอได้รู้ถึงบทลงโทษที่สุดแสนจะสาหัสในวันกิยามะห์แล้วเธอจะต้องมีความสะพรึงกลัวที่สุดเท่าที่เธอเคยพบมาบนโลกใบนี้
ท่านอาลี (ร.ด) ได้กล่าวไว้ว่า : (( ฉันได้เข้าไปในบ้านของท่านนบีมูฮำหมัด (ซ.ล) พร้อมกับ ฟาตีมะห์ และฉันก็เห็นท่านนบีกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น หลังจากนั้นฉันก็พูดว่า อะไรหรือที่ทำให้ท่านร้องไห้ ?
ท่านร่อซู้ล(ซ.ล)จึงตอบว่า .......โอ้อาลี ! เมื่อฉันถูกยกขึ้นไปสู่ฟากฟ้าฉันเห็นบรรดาผู้หญิงจากประชาชาติของฉันถูกลงโทษในไฟนรกด้วยกับโทษทัณฑ์ต่างๆ ดังนั้นฉันจึงร้องไห้เพราะโทษทัณฑ์ของพวกนางหนักมาก คือฉันเห็นผู้หญิงที่ถูกแขวนด้วยเส้นผมจนกระทั่งสมองของนางปลิ้นออกมา และฉันเห็นผู้หญิงที่ถูกแขวนลิ้นในขณะเดียวกันน้ำร้อนก็ถูกเทลงไปในลำคอของนาง และฉันเห็นผู้หญิงที่ถูกแขวนเท้าทั้งสองข้าง หน้าอกทั้งสองของเธอและถูกแขวนมือทั้ง2ข้างและศรีษะ จากนั้นอัลลอห์ก็สั่งให้งูและตะขาบมากัดนาง และฉันเห็นผู้หญิงที่มีหัวเป็นหมู และมีร่างกายเป็นลา และนางจะถูกลงโทษนาๆชนิด และฉันเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มีรูปร่างเป็นสุนัขและมีไฟเข้าไปในปากของนางและออกมาจากก้น ในขณะเดียวกันมาลาอีกัตก็ตีศรีษะของนางด้วยกับไม้ท่อนใหญ่จากนรก
หลังจากนั้นพระนางฟาตีมะห์อัซซะเราะห์ (ร.ด) ได้ยืนขึ้นและกล่าวว่า : (( โอ้ที่รักของฉัน และแก้วตาของฉัน พวกเขาได้ทำผิดอะไรหรือ ? พวกเขาจึงถูกลงโทษเช่นนั้น ? ดังนั้นท่านนบีจึงกล่าว : “ โอ้ลูกรักของฉัน ผู้หญิงที่เส้นผมถูกแขวนเพราะนางไม่ปกปิดเอาเราะห์ จากการมองของผู้ชายอื่นที่ไม่ใช่มะห์รอม ส่วนผู้หญิงที่ถูกแขวนลิ้นนั้นเพราะนางสร้างความเจ็บใจให้แก่สามีของนาง ผู้หญิงที่ถูกแขวนหน้าอกทั้งสองข้างของนางก็เพราะว่านาง ได้ชักชวนชายอื่นให้มานอนกับนาง และผู้หญิงที่ถูกแขวนเท้าทั้งสองข้างและมือทั้งสองข้างจนกระทั่งถึงกระหม่อม และอัลลอห์ก็สั่งให้งูและตะขาบมากัดหล่อน เพราะว่านางไม่ยอมอาบน้ำ ญานาบะห์ และ เฮด เพราะนางเจตนาทิ้งละหมาด ส่วนผู้หญิงที่มีหัวเป็นหมูและมีร่างกายเป็นลา เพราะว่านางเป็นคนช่างฟ้องและโกหก และผู้หญิงที่มีรูปร่างเป็นสุนัขและมีไฟเข้าไปในปากและออกมาทางก้นของนาง ก็เพราะว่านางชอบนินทา และชอบอิจฉาริษยา และท่านนบีได้กล่าวแก่ลูกของท่านว่าโอ้ลูกของฉัน !ช่างโชคร้ายเหลือเกิน สำหรับผู้หญิงที่ไม่ตออัต(ภักดี) ต่อสามีนาง”
ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาที่เคารพ

คำเตือนจากท่านนบีมูฮำหมัด(ซ.ล)เป็นฮิกมะห์และเป็นอุทาหรณ์ต่อบรรดามุสลีมีนและมุสลีมะห์ทุกๆท่านในการช่วยกันตักเตือนกับผู้ที่ยังไม่รู้ถึงบทลงโทษอันรุนแรงยิ่ง กับความน่าสะพรึงกลัวที่สุด แม้ขนาดท่านนบีมูฮำหมัด(ซ.ล) เมื่อท่านได้ไปพบเห็น ท่านถึงกับร่ำไห้ถึงการลงโทษที่แสนสาหัสยิ่ง และท่านนบีได้บอกอีกว่าผู้หญิงอยู่ในนรกมากกว่าผู้ชาย ดังนั้นผู้เป็นสามีหรือผู้ปกครองอาจเป็นส่วนหนึ่งจากไฟนรกได้เช่นกัน หากพวกเขาไม่ตักเตือนและสั่งสอนภรรยาและบุตรหลานของพวกเขาให้รอดพ้นจากการลงโทษอันรุนแรงและสาหัสในนรก


أقول قولى هذا واستغفرالله العظيم لى ولكم من كل ذنب فاستغفروه إنه هوالغفورالرحيم