วันศุกร์, กรกฎาคม 07, 2549

พี่น้องมุสลิมทุกท่าน
ท่านทั้งหลายจงยำเกรงต่อ อัลลอฮ และจงใคร่ครวญถึงโองการต่างๆที่ชี้ถึงอานุภาพของพระองค์ เพื่อรับทราบถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์ และสักการะต่อพระองค์
แท้จริงอัลลอฮตะอาลาได้บันดาลชั้นฟ้าและแผ่นดิน และระหว่างฟ้าและแผ่นนั้นพระองค์ได้สร้างสิ่งต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว ภูเขา ต้นไม้ ทะเล แม่น้ำ สร้างมาอย่างสมบูรณ์แบบ เป็นระเบียบ รวมระยะเวลา 6 วัน ถึงแม้ว่าพระองค์ทรงสามารถที่จะบันดาลมันได้ในชั่วพริบตาก็ตาม
إِنَّمَا قَوْلُنَا لِشَيْءٍ إِذَا أَرَدْنَاهُ أَن نَّقُولَ لَهُ كُن فَيَكُونُ
“แท้จริงคำกล่าวของราแก่สิ่งหนึ่งสิ่งใดเมื่อเราปรารถนามัน เราก็จะกล่าวแก่มันว่า จงเป็น แล้วมันก็เป็นขึ้น”
وَمَا أَمْرُنَا إِلَّا وَاحِدَةٌ كَلَمْحٍ بِالْبَصَرِ
“ และกิจการของเรา (ในการสร้าง) นั้นเพียง (บัญชา) ครั้งเดียว เหมือนกับชั่วพริบตาเดียว ”
อัลลอฮตะอาลา ทรงบันดาลสิ่งต่างๆที่กล่าวมาในเวลา 6 วัน อันมีนัยยะซ่อนอยู่ ซึ่งก็เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์ และแท้จริงอัลลอฮตะอาลาทรงบันดาลมนุษย์ มาจากดิน พระองค์สร้างท่านนบีอาดำมาจากดิน ต่อจากนั้นก็ให้ลูกหลานของท่านนบี เกิดมาจากน้ำที่พุ่งออกมาจากกระดูกสันหลังและส่วนบนของอก ต่อจากนั้นทำให้อยู่ที่ที่มั่นคง ปลอดภัยจากแสงแดด อากาศ ความร้อน และความเย็น พระองค์ได้บันดาลให้ตัวอ่อนซ่อนตัวอยู่ในความมืดถึง 3 ชั้น ได้แก่ ชั้นที่ 1 คือความมืดของท้องมารดา
ชั้นที่ 2 คือความมืดของมดลูก
และชั้นที่ 3 คือความมืดของถุงน้ำคร่ำ
40 วันหลังจากปฏิสนธิ ก็จะกลายเป็นเลือดก้อน จากเลือดก้อนก็จะเริ่มเป็นตัวอ่อนมีเนื้อหนัง หลังจากครบสี่เดือน อัลลอฮจะใช้ให้มาลาอิกะห์ เป่าวิญญาณเข้าไปและกลายเป็นมนุษย์ สิ่งที่ถูกสร้างที่มีสติปัญญาอย่างสมบูรณ์แบบ แท้จริง อัลลอฮตะอาลาทำให้บรรดาบ่าวได้เห็น และให้พวกเขาได้พิจารณาตรึกตรองถึงพลานุภาพของพระองค์
และอัลลอฮตะอาลาทรงสร้างท่านนบีอีซาอะลัยฮิสลาม มาจากมารดา ก็คือพระนางมัรยัม โดยปราศจาก จากบิดา และ ด้วยเดชานุภาพของพระองค์ ท่านนบีอีซาสามารถพูดได้ตั้งแต่แรกคลอด แต่ละคำพูดของท่านก็ชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง
قَالَ إِنِّي عَبْدُ اللَّهِ آتَانِيَ الْكِتَابَ وَجَعَلَنِي نَبِيّا ً
وَجَعَلَنِي مُبَارَكاً أَيْنَ مَا كُنتُ وَأَوْصَانِي بِالصَّلَاةِ وَالزَّكَاة
وَبَرّاً بِوَالِدَتِي وَلَمْ يَجْعَلْنِي جَبَّاراً شَقِيّا ً مَا دُمْتُ حَيّاً
وَالسَّلَامُ عَلَيَّ يَوْمَ وُلِدتُّ وَيَوْمَ أَمُوتُ وَيَوْمَ أُبْعَثُ حَيّاً

“เขา (อีซา) กล่าวว่า แท้จริงฉันเป็นบ่าวของอัลลอฮ์ พระองค์ทรงประทานคัมภีร์แก่ฉันและทรงให้ฉันเป็นนบี และพระองค์ทรงให้ฉันได้รับความจำเริญ ไม่ว่าฉันจะอยู่ ณ ที่ใด และทรงสั่งเสียให้ฉันทำการละหมาดและจ่ายซะกาตตราบที่ฉันมีชีวิตอยู่ และทรงให้ฉันทำดีต่อมารดาของฉันและจะไม่ทรงทำให้ฉันเป็นผู้หยิ่งยะโส ผู้เลวทรามต่ำช้า และความศานติจงมีแด่ฉัน วันที่ฉันถูกคลอด และวันที่ฉันตาย และวันที่ฉันถูกฟื้นขึ้นให้มีชีวิตใหม่”
อัลลอฮตะอาลาได้บอกเราเกี่ยวกับเรื่องราวของท่านนบีอีซาอะลัยฮิสลามไว้ในอัลกุรอานเกี่ยวกับ มัวอ์ญิซาต ก็คือท่านได้ปั้นดินให้เป็นรูปนก จากนั้นท่านก็เป่าไปที่รูปปั้นนั้น แล้วมันก็กลายเป็นนกจริงๆขึ้นมา ด้วยพระประสงค์ของพระองค์ และท่านนบีก็ได้รักษาคนที่ตาบอดแต่กำเนิดให้หาย รักษาคนที่เป็นโรคเรื้อน และทำให้คนที่ตายไปแล้วกลับมีชีวิตขึ้นมา ด้วยอนุมัติของอัลลอฮตะอาลา
และอัลลอฮ์ทรงเล่าถึงเหตุการณ์ที่ปรากฏในซูเราะห์ อัลบากอเราะห์ 5 เหตุการณ์ เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการฟื้นคืนชีพในโลกดุนยา
เรื่องแรกเป็นเรื่องของชาวบนีอิสรอเอล ที่พวกเขาได้กล่าวกับท่านนบีมูซาว่า
لَن نُّؤْمِنَ لَكَ حَتَّى نَرَى اللَّهَ جَهْرَةً
“เราจะไม่ศรัทธาต่อท่านเป็นอันขาดจนกว่าเราจะได้เห็นอัลลอฮโดยเปิดเผย”
และทันใดนั้นขณะที่พวกเขากำลังเฝ้าดูในสิ่งที่พวกเขาร้องขออยู่นั้นก็มีสายฟ้าฟาดลงมาที่พวกเขา และพวกเขาก็เสียชีวิตทั้งหมด ต่อมาอัลลอฮก็ได้ให้พวกเขาฟื้นคืนชีพมาอีกครั้งหนึ่ง
ในเรื่องนี้อัลลอฮตะอาลาได้บอกกับพวกบนีอิสรออีลว่า
وَإِذْ قُلْتُمْ يَا مُوسَى لَن نُّؤْمِنَ لَكَ حَتَّى نَرَى اللَّهَ جَهْرَةً فَأَخَذَتْكُمُ الصَّاعِقَةُ وَأَنتُمْ تَنظُرُونَ ثُمَّ بَعَثْنَاكُم مِّن بَعْدِ مَوْتِكُمْ لَعَلَّكُمْ تَشْكُرُونَ
“และจงรำลึกถึง ขณะที่พวกเจ้ากล่าวว่า โอ้มูซา เราจะไม่ศรัทธาต่อท่านเป็นอันขาด จนกว่าเราจะได้เห็นอัลลอฮโดยเปิดเผย แล้วสายฟ้าผ่าก็ได้คร่าพวกเจ้า ขณะที่พวกเจ้ามองดูกันอยู่ ภายหลังเราได้ให้พวกเจ้าคืนชีพ หลังจากที่พวกเจ้าได้ตายไปแล้ว เพื่อว่าพวกเจ้าจักขอบคุณ”
เรื่องที่สอง เหตุการณ์ การฆาตกรรมที่กล่าวขาน โจษจันท์สะเทือนขวัญ ของชาวบนีอิสรอเอล ในสมัยของท่านนบี มูซา อาลัยฮิสลามฯ จนกระทั่งอัล กุรอ่าน ได้ประทานลงมาเล่าถึงความจริง ถึงเหตุการณ์ครั้งนี้ ให้กับท่านนบี ซ.ล และพวกเราได้รู้ถึงความจริง และมีนัยยะแห่งปัญญา อันมากมายภายในเรื่องนี้ โดยคนที่ถูกฆาตกรรม เป็นชนเผ่าหนึ่งของชาวบนีอิสรอเอลเขาถูกฆ่า ด้วยน้ำมือ ของลูกชายน้า เขาเอง แต่พวกเขากลับกล่าวหา ใส่ร้ายชนเผ่าอื่นว่า เป็นผู้ทำการฆาตกรรมครั้งนี้ ( โดยพวกเขาไม่เสาะหาเบื้องหลังของความเป็นจริง ) จนมีการโต้เถียง ทะเลาะวิวาท กันอย่างรุนแรงระหว่างสองเผ่า เรื่องได้บานปลายมาถึงท่านนบี มูซา อาลัยฮิสลาม มาทำการตัดสินหาฆาตกร ในครั้งนี้ โดยที่พระอัลเลาะห์ ซ.บ ได้มีวาฮีย์แก่นบี มูซา อาลัยฮิสลามฯ ให้พวกเขาเชือดวัวตัวหนึ่ง แล้วเอาส่วนหนึ่งของวัวตัวนั้นมา ทำการตีลงบนตัวของผู้ตาย แล้วพระองค์ อัลเลาะฮ์จะให้ผู้ตายฟื้นขึ้นมา บอกถึงความเป็นจริง จากโองการ.....
وَإِذْ قَتَلْتُمْ نَفْساً فَادَّارَأْتُمْ فِيهَا وَاللّهُ مُخْرِجٌ مَّا كُنتُمْ تَكْتُمُونَ فَقُلْنَا اضْرِبُوهُ بِبَعْضِهَا كَذَلِكَ يُحْيِي اللّهُ الْمَوْتَى وَيُرِيكُمْ آيَاتِهِ لَعَلَّكُمْ تَعْقِلُونَ
“และจงนึก เมื่อตอนที่สูเจ้าฆ่าชายคนหนึ่ง และสูเจ้าก็เริ่มซัดทอดกันในเรื่องนี้ แต่อัลลอฮ์ก็ได้นำเรื่อง ที่สูเจ้าปิดบังออกมาเปิดเผย ดังนั้น เราจึงได้บัญชาว่า จงฟาดไปที่ศพของคนที่ถูกฆ่า โดยใช้ส่วนหนึ่งของวัวที่ถูกเชือดพลี จงดูว่าอัลลอฮ์ ทรงทำให้คนตาย กลับฟื้นมีชีวิตได้อย่างไร และพระองค์ ได้ทรงแสดงสัญญาณให้เห็น เพื่อที่ว่าสูเจ้าจะได้เข้าใจ”

เรื่องที่สาม เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคนหลายพันคนของชนกลุ่มชาวบนี ิอิสรอเอลฯ ซึ่งพวกเขาพยายามที่จะหนีจากความตาย หนีออกจากหมู่บ้านของพวกเขา บางตัฟซีร กล่าวว่า หนีเพราะโรคระบาด และบางตัฟซีร กล่าวว่า หนีเพราะศัตรูที่มีพลังอำนาจเหนือกว่า บุกเข้ามาโจมตี แย่งดินแดน เพื่อจะกำจัดพวกเขาให้สิ้นซาก แต่ทว่า ไม่ว่าพวกเขาจะหนีไปแห่งหนใด พวกเขาก้อไม่สามารถที่จะหนีพ้นจากอำนาจของพระองค์อัลลอฮไปได้ พระองค์ก็ได้ทำให้พวกเขาตาย เพื่อให้พวกเขาได้รู้ถึงพลังอำนาจของพระองค์ ต่อจากนั้นพระองค์ ก็ทำให้พวกเขามีชีวิตเหมือนเดิม จนกระทั่งพวกเขาตาย ตามอายุขัยของพวกเขา ซึ่งดังกล่าวบ่งบอกถึงอำนาจ เดชานุภาพ ที่ยิ่งใหญ่ ของพระองค์ และทุกอย่างอยู่ในกำมือของพระองค์
أَلَمْ تَرَ إِلَى الَّذِينَ خَرَجُواْ مِن دِيَارِهِمْ وَهُمْ أُلُوفٌ حَذَرَ الْمَوْتِ فَقَالَ لَهُمُ اللّهُ مُوتُواْ ثُمَّ أَحْيَاهُمْ إِنَّ اللّهَ لَذُو فَضْلٍ عَلَى النَّاسِ وَلَـكِنَّ أَكْثَرَ النَّاسِ لاَ يَشْكُرُونَ
“เจ้าไม่รู้ดอกหรือ? ถึง (ประวัติของ) บรรดาผู้ที่ออกจากบ้านเมือง โดยมีจำนวนนับเป็นพันคน เพราะความกลัวตาย แต่แล้วอัลลอฮ์ก็ทรงตรัสแก่พวกเขาว่า พวกเจ้าจงตายเถิด ครั้นต่อมาพระองค์ก็ชุบชีวิตพวกเขา (ขึ้นมาใหม่) แท้จริงอัลลอฮ์ทรงไว้ซึ้งความโปรดปรานแก่มวลมนุษย์ แต่ทว่ามนุษย์ส่วนมากหาได้ขอบคุณพระองค์ไม่”

เรื่องที่สี่ เรื่องราวที่แสดงถึง ความมหัศจรรย์ ที่พระองค์ ได้สำแดงอำนาจ อันเดชานุภาพของพระองค์ ให้มนุษย์ทั้งหลายได้เห็น มีชายคนหนึ่งตัฟซีรบางเล่มบอกว่าเป็น นบีคิเดร บางเล่มบอกว่าเป็นท่านนบี อาซีซ ได้เดินทาง พร้อมเสบียงอาหาร และพาหนะของเขา ชายผู้นี้ ได้เดินผ่านหมู่บ้านหนึ่ง กล่าวกันว่า หมู่บ้านนี้ คือหมุ่บ้าน บัยตุ้ลมักดิส ถูกทำลายโดย กษัตริย์แห่งบาบิโลน เมื่อก่อนคริสตกาล ซึ่งถูกทิ้งร้าง สภาพบ้านเรือนก็พังเสียหาย ชายผู้นี้จึงคิดว่าเป็นการยากที่จะฟื้นฟูให้กลับมาเหมือนเดิม พระองค์อัลลอฮจึงประสงค์ให้เขาทราบถึง เดชานุภาพของพระองคฺ โดยทำให้เขาตาย ที่หมู่บ้านแห่งนั้น เป็นเวลาร้อยปี พร้อมกับลาซึ่งเป็นพาหนะของเขา ที่สลายไปแล้วเหลือแต่กระดูกที่กองอยู่ มีแต่เสบียงอาหารของเขาเท่านั้น ที่สร้างความอัศจรรย์ เป็นอย่างมาก เพราะมันยังคงเหมือนเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง สักนิดเดียว แม้เวลาจะผ่านไปแล้วเป็นร้อยๆ ปี สภาวะ อากาศไม่สามารถ ที่จะเปลี่ยนแปลงสภาพของอาหารได้เลย ต่อมาด้วยพระประสงค์ของอัลลอฮ พระองค์ ได้ทำให้เขาฟื้นชีพขึ้นมาอีก พร้อมกับพาหนะของเขา ที่ย่อยสลาย ไปกับกาลเวลา ที่ผ่านไปร้อยปี ให้กลับมาเหมือนเดิมอีกครั้งหนึ่ง
أَوْ كَالَّذِي مَرَّ عَلَى قَرْيَةٍ وَهِيَ خَاوِيَةٌ عَلَى عُرُوشِهَا قَالَ أَنَّىَ يُحْيِـي هَـَذِهِ اللّهُ بَعْدَ مَوْتِهَا فَأَمَاتَهُ اللّهُ مِئَةَ عَامٍ ثُمَّ بَعَثَهُ قَالَ كَمْ لَبِثْتَ قَالَ لَبِثْتُ يَوْمًا أَوْ بَعْضَ يَوْمٍ قَالَ بَل لَّبِثْتَ مِئَةَ عَامٍ فَانظُرْ إِلَى طَعَامِكَ وَشَرَابِكَ لَمْ يَتَسَنَّهْ وَانظُرْ إِلَى حِمَارِكَ وَلِنَجْعَلَكَ آيَةً لِّلنَّاسِ وَانظُرْ إِلَى العِظَامِ كَيْفَ نُنشِزُهَا ثُمَّ نَكْسُوهَا لَحْمًا فَلَمَّا تَبَيَّنَ لَهُ قَالَ أَعْلَمُ أَنَّ اللّهَ عَلَى كُلِّ شَيْءٍ قَدِيرٌ
“หรืออุปมาผู้ที่ผ่านมาเมืองหนึ่ง และมันพังยุบลงมาทั้งหลังคาของมัน เขากล่าวว่า เมื่อใดหนออัลลอฮ์ จึงจะฟื้นฟูเมืองนี้ขึ้นมาอีก หลังจากที่มันได้ตาย (พังทลาย) ไปแล้ว ครั้นแล้วอัลลอฮ์ ก็ทำให้เขาตายไปหนึ่งร้อยปี หลังจากนั้น พระองค์ก็ได้ให้เขาฟื้นขึ้นมาอีก (เมื่อฟื้นแล้ว) พระองค์ก็ตรัสว่า (ถามเขา) ว่า เจ้าพักอยู่นานเท่าใด เขาทูลตอบว่า ข้าพเจ้าพักอยู่หนึ่งวันหรือครึ่งวัน พระองค์ทรงตรัส (แก่เขา) ว่า ความจริงเจ้าพักอยู่ถึงหนึ่งร้อยปี เจ้าจงมองไปที่อาหารและเครื่องดื่มของเจ้าสิ มันยังไม่เน่าบูดเลย และเจ้าจงมองไปที่ลาของเจ้า (ที่ใช้ขี่มันมา) ซิ (ปรากฏว่าลาของเขา ตายจนกระดูกป่นไปแล้ว) และเพื่อเราจักบันดาลให้ (เรื่องราวเกี่ยวกับ) เจ้าเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของมนุษย์ และเจ้าจงมองไปที่กองกระดูก (ของลาตัวนั้น) ซิ ว่าเราทำการประกอบมัน (ให้เป็นโครงร่าง) ได้อย่างไรแล้วต่อมาเราก็หุ้มมันด้วยเนื้อ ครั้นเมื่อเหตุการณ์ได้ประจักษ์แจ้งแก่เขาแล้ว เขาก็กล่าวว่า แท้จริงอัลลอฮ์ทรงเดชานุภาพเหนือทุกๆสิ่ง”

และสุดท้าย เรื่องที่ห้าเป็นเรื่องของ ท่านนบีอิบรอฮีม อะลัยฮิสลาม ท่านได้วอนขอต่ออัลลอฮ ให้เห็นถึงวิธีการชุบชีวิตสิ่งที่ตายให้กลับฟื้นคืนชีพมาใหม่ พระองค์จึงทรงใช้ให้ท่านนบีนำสัตว์ปีกมา 4 ชนิด และตัดแบ่งออกเป็นชิ้นๆ โดยเก็บสัญลักษณ์ของแต่ละชนิดไว้เพื่อบอกชนิดของสัตว์ปีกเหล่านั้น เป็นยืนยันว่าเป็นชิ้นส่วนของสัตว์ตัวนี้จริง จากนั้นนำขึ้นไปไว้ตามภูเขา ต่อมา อัลลอฮก็ใช้ให้ท่านนบี เรียกชิ้นส่วนเหล่านั้น และทันใดนั้นชิ้นส่วนทั้งหมดก็มารวมกันและประกอบเป็นร่างเหมือนเดิม แล้วมันก็เดินมาหาท่านนบีอิบรอฮีม
وَإِذْ قَالَ إِبْرَاهِيمُ رَبِّ أَرِنِي كَيْفَ تُحْيِـي الْمَوْتَى قَالَ أَوَلَمْ تُؤْمِن قَالَ بَلَى وَلَـكِن لِّيَطْمَئِنَّ قَلْبِي قَالَ فَخُذْ أَرْبَعَةً مِّنَ الطَّيْرِ فَصُرْهُنَّ إِلَيْكَ ثُمَّ اجْعَلْ عَلَى كُلِّ جَبَلٍ مِّنْهُنَّ جُزْءًا ثُمَّ ادْعُهُنَّ يَأْتِينَكَ سَعْيًا وَاعْلَمْ أَنَّ اللّهَ عَزِيزٌ حَكِيمٌ
“และเมื่อครั้งที่อิบรอฮีมได้กล่าวว่า โอ้องค์อภิบาลโปรดเนรมิตให้ข้าพเจ้าได้เห็นเถิดว่า พระองค์ทรงชุบชีวิตแก่ผู้ตายได้อย่างไร พระองค์ทรงดำรัสว่า เจ้าไม่เชื่อหรือ? เขากล่าวว่า มิใช่ แต่เพื่อจิตใจของข้าพเจ้าจะได้สงบมั่นคงยิ่งขึ้น พระองค์ทรงดำรัสว่า ดังนั้นจงนำเอาสัตว์ ปีกมาสี่จำพวก แล้วหั่นออกเป็นส่วน จากนั้น จงเอาไปไว้ตามภูเขา หลังจากนั้นเจ้าก็จงเรียกพวกมัน แน่นอนพวกมันก็จะมาหาเจ้าโดยพลัน และเจ้าจงรู้ไว้เถิดว่า แท้จริง อัลลอฮ์ ทรงอำนาจยิ่งอีกทั้งทรงปรีชายิ่ง”

และที่กล่าวมานี้เป็นตัวอย่างของการที่อัลลอฮตะอาลา ได้ชุบชีวิตสิ่งที่ตายแล้วในโลกดุนยานี้ มันเป็นหลักฐานสำคัญที่ยืนยันถึงการฟื้นคืนชีพของพวกเราทุกคนที่จะเกิดขึ้นในวันกิยามะห์ซึ่งเป็นเรื่องง่ายเหลือเกินสำหรับพระองค์
وَهُوَ الَّذِي يَبْدَأُ الْخَلْقَ ثُمَّ يُعِيدُهُ وَهُوَ أَهْوَنُ عَلَيْهِ
“และพระองค์คือผู้ทรงริเริ่มในการสร้าง แล้วทรงให้มันกลับขึ้นมาอีก และมันเป็นการง่ายยิ่งแก่พระองค์”
อัลลอฮตะอาลาผู้ทรงเดชานุภาพ เพียงแค่พระองค์ตรัสเพียงครั้งเดียว เหล่ามนุษย์ก็จะออกจากหลุมศพของพวกเขาในสภาพที่มีชีวิต
ท่านพี่น้องผู้มีอีหม่านทุกท่าน หวังหว่าตัวอย่างที่กล่าวมาข้างตนคงเป็นสิ่งที่เตือนสติเตือนใจ แก่ทุกท่านในการ ยึดมั่นต่ออัลลอฮตะอาลา สำนึกถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์ คิดถึงวันแห่งการตัดสิน วันที่ทุกคนจะต้องฟื้นคืนชีพมาเพื่อรอการตัดสิน ถึงผลของการกระทำในดุนยาที่ผ่านมา การปฏิบัติในวันนี้ของท่านเพียงพอแล้วหรือที่ท่านจะเข้าเฝ้าพระองค์